1. การควบคุมปัจจัยเสี่ยง
โดย
การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการไมเกรน
โดยสาเหตุในการเกิดแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป เช่น ความเครียด กลิ่นฉุน
ความร้อน แสงที่จ้าเกินไป การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
ดังนั้นผู้ป่วยทุกคนควรมีการสังเกตตนเองหรือจดบันทึกว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้น
ให้เกิดไมเกรนเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงได้อย่างเหมาะสม
2. การรักษาไมเกรนด้วยยา
แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ กินยาเพื่อรักษา และกินเพื่อป้องกัน
กินเพื่อรักษา
กรณี
ที่เป็นไม่บ่อยและมีอาการไม่รุนแรง
ให้รับประทานยาประเภทพาราเซตามอลหรือแอสไพริน อาการจะบรรเทาลงภายใน 1-2
ชั่วโมง กรณีที่รุนแรงอาจต้องรับประทานทั้งสองแบบพร้อมกันและควรปรึกษาแพทย์
กินเพื่อป้องกัน
คน
ที่เป็นบ่อย มากกว่า 3 ครั้งต่อเดือน
แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยากลุ่มที่ลดความถี่และความรุนแรงในการเกิดไมเกรน
จนกว่าจะควบคุมอาการได้ ซึ่งยาทุกชนิดอาจมีผลข้างเคียงกับร่างกาย เช่น
ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ คลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นผู้ป่วยทุกท่านต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยต่อตัวท่านเอง
3. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- แคลซียม และแมกนีเซียม มีส่วนช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ทำให้มีส่วนช่วยลดความถี่และความรุนแรงในการเกิดอาการไมเกรนได้
- วิตามินบี มีส่วนช่วนในการบำรุงสมองและประสาท ทำให้มีส่วนช่วยในรายที่มีอาการ ไมเกรน บ่อยได้
- Omega-3 จากปลามีส่วนช่วยทำให้ลดการเกิดอาการ ไมเกรน ได้
4. การลดอาการปวดไมเกรนด้วยตนเอง
- ใช้น้ำแข็งหรือ Cool Pack ประคบจุดที่มีการปวด เพื่อช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลงและบรรเทาอาการปวด
- พักผ่อนในห้องที่มืดและเงียบ ถ้าอากาศเย็นสบายจะช่วยได้มาก
- อาบน้ำ สระผม จะช่วยได้เมื่อมีอาการปวดแบบเล็กน้อย
- คอยสังเกตปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนของตนเอง อาการ ระยะเวลา จากนั้นให้ทำการบันทึกเพื่อหาวิธีควบคุมต่อไป
- งดอาหารที่มีสารกระตุ้นให้เกิดไมเกรน จำพวก ช็อคโกแล็ต กล้วยหอม เหล้า ผงชูรส ชา และกาแฟ เป็นต้น
- พยายามพักผ่อนให้พอเพียง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น